คู่มือเอาตัวรอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

คู่มือเอาตัวรอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โจรไฮเทคในไทย

คู่มือเอาตัวรอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทุกวันนี้ ในยุคที่เราติดต่อกันผ่านไลน์ และ แอปเมสเสจจิงกันเป็นส่วนใหญ่ ก็ยังมีบรรดาพี่ ๆ คอลเซ็นเตอร์ เนี่ยแหละที่โทรศัพท์หาเรา จนเราไม่กล้ารับเบอร์แปลก

ข้อมูลจากเมื่อปี 2564 พบว่าคนไทยถูก แก๊งคอลเซ็นเตอร์ โจรไฮเทค พยายามหลอกลวงสูงถึง 6.4 ล้านครั้ง มูลค่าความเสียหาย เกือบ 1,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 270%

แต่วันนี้แบไต๋ได้รวบรวมภัยคุกคามจากคอลเซ็นเตอร์ที่น่ากลัว พร้อมวิธีรับมือเบื้องต้นมาให้แล้ว

คู่มือเอาตัวรอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

คู่มือเอาตัวรอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โทรมาหลอกขอข้อมูลหรือให้โอนเงิน

วิธีสุดคลาสสิกของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็คือโทรเข้ามาหาเหยื่อทางโทรศัพท์ บางครั้งก็อาจเป็นการโทรผ่านอินเทอร์เน็ตมาในแบบ Voice over Internet Protocol (VoIP)

การหลอกลวงแบบดั้งเดิมคือ หลอกให้โอนเงินให้ โดยอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ขององค์กรที่มีอยู่จริง ไปจนถึงอ้างเป็นญาติ และคนรู้จักวิธีการนี้ส่วนใหญ่จะใช้ความโลภ หรือไม่ก็ความกลัวของเหยื่อในการหลอกให้โอนเงิน

แต่วิธีการนี้ก็พัฒนากันมากลายเป็นการหลอกขอข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความซับซ้อนมากขึ้น บางกรณีถึงขั้นทำงานกันเป็นทีม มีการหลอกล่อไม่ให้เหยื่อติดต่อคนที่รู้จัก โดยอ้างว่าจะให้เสียรูปคดีบ้าง หรือจะละเมิดอำนาจของเจ้าหน้าที่บ้าง บางกรณีถึงขั้นมีการอ้างรหัสเจ้าหน้าที่ที่ดูสมจริง

ตัวอย่างของกรณีการหลอกลวงที่มีความซับซ้อนคือกรณีของนักศึกษาสาวรายหนึ่งในไทยที่ถูกคอลเซนเตอร์หลอกให้ไปหาที่ซ่อนตัว เพื่อไม่ให้ข้อมูลการสืบสวนหลุดรั่ว และอีกทางหนึ่งก็โทรไปหลอกแม่ของเหยื่อว่าลูกสาวถูกลักพาตัว ให้โอนเงินค่าไถ่มาให้ แต่โชคดีที่แม่ไหวตัวทัน จนแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างราบรื่น

โจรออนไลน์จะกำหนดกรอบเวลาที่มีความเร่งด่วนให้รีบตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อไม่ให้เหยื่อรวบสติและไปหาข้อมูลได้

บางกรณีก็อาจไม่ใช่การหลอกดูดเงิน แต่เป็นการหลอกถามข้อมูลในบ้านว่ามีผู้สูงอายุหรือผู้ทุพพลภาพอยู่ในบ้านหรือไม่

คู่มือเอาตัวรอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่ง SMS ดูดเงิน

SMS ก็เป็นช่องทางที่อันตรายมากที่สุดช่องทางหนึ่ง เพราะลิงก์ที่แฝงมากับ SMS อาจมีทั้งมัลแวร์และช่องทางเข้าสู่เว็บไซต์หลอกดูดข้อมูลที่ดูเหมือนจริง

มิจฉาชีพมักหลอกว่าถ้ากดลิงก์แล้วจะได้เงินรางวัล แต่ในบางกรณีก็ซับซ้อนถึงขั้นว่าใช้ช่องทางเส่ง SMS ที่เป็นช่องทางเดียวกันกับธนาคารในการหลอกให้กดลิงก์ใน SMS เลยทีเดียว ในบางกรณีแค่กดลิงก์เข้าไปก็ทำเงินหายได้แล้ว

เนื่อหาของ SMS มักจะเป็นการแจ้งเตือนว่ามีปัญญาด้านความปลอดภัย หรือความผิดทางกฎหมายที่เรียกร้องความสนใจ

นับวัน SMS เหล่านี้ยิ่งดูออกยากมากขึ้นว่าเป็นของจริงหรือของปลอม เพราะการสวมรอย SMS ในปัจจุบันทำได้ง่ายมากขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการบางรายก็ใช้ลิงก์ใน SMS เพื่อแนบแบบสอบถามหรือข้อมูลเพิ่มเติมให้ลูกค้า

แอปปลอมขโมยข้อมูล

อีกช่องทางหนึ่งในการขโมยเงินและข้อมูลส่วนตัวของมิจฉาชีพที่อันตรายมาก คือการใช้แอปพลิเคชันที่หลอกให้เหยื่อติดตั้งลงบนเครื่องในการเป็นเครื่องมือดูดเงิน

การก่อเหตุในลักษณะนี้มักจะเป็นการปลอมตัวมาเป็นองค์กรต่าง ๆ (เช่น การไฟฟ้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และธนาคารพาณิชย์) ส่ง SMS อีเมล หรือโทรมาหลอกให้ลงแอปพลิเคชัน ‘ทางการ’ ขององค์กรเหล่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ที่เป็นแพลตฟอร์มของพี่มิจเอง แต่ทำให้ดูเหมือนว่าดาวน์โหลดจากร้านค้าแอปทางการ

การหลอกลวงลักษณะนี้ทำได้กับทั้ง Android และ iOS โดยใน Android จะเป็นการหลอกให้ดาวน์โหลดแอปโดยตรง ซึ่งแอปเหล่านี้มักจะเป็นแอปที่ใช้ควบคุมและสอดส่องหน้าจอของเหยื่อเพื่อดักเอาข้อมูล PIN และสแกนใบหน้านั่นเอง

เครดิตเว็บไซต์ : UFABET เว็บตรง

อ่านวิธีทำอาหารอื่นๆ ติดตามได้ที่ : techhyun